วันนี้ขอกลับมาพูดถึงเรื่องพื้นฐานกันหน่อยนะครับ เพราะว่าหลังจากที่ได้คุยกับใครต่อใครหลายคนที่มาปรึกษามักจะไม่เข้าใจเรื่องนี้ หลายคนมาปรีกษาว่าจะลงทุนอะไรดี พอเราคุยไปเรื่อยๆ กลับพบว่า เค้ายังไม่ได้เตรียมเรื่องเงินฉุกเฉินเลย เราก็ต้องอธิบายกันยาวเลยครับ
มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าครับ ปิรามิดที่เขียนตามรูป แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกที่อยู่ล่างสุด เป็นฐานของปิรามิดมีความจำเป็นมากที่สุด ที่จะพาคุณไปบรรลุเป้าหมายในการวางแผนทางการเงินได้ ทำไมละ ? ทำไมต้องเตรียมเงินฉุกเฉิน ? และต้องเตรียมมากแค่ไหน ?
คุณลองคิดตามนะครับว่า ถ้าหากคุณไม่เตรียมเงินฉุกเฉินเอาไว้ หากคุณมีเหตุให้ทำงานไม่ได้ คุณจะเอาเงินที่ไหนใช้ ? หากคุณต้องเข้า รพ. ด้วยอุบัติเหตุ หากไม่เตรียมไว้ จะเอาเงินที่ไหนจ่าย ? หรือแค่ง่ายๆหากคุณลาออกจากงาน หรือตกงาน จะเอาเงินที่ไหนใช้ คุณได้เตรียมคิดไว้แล้วหรือยัง
หลายคนก็มักจะตอบว่า ใช้ชีวิตระวัง ไม่เคยป่วยสุขภาพดี ไม่เป็นไร ประกันของบริษัทมี ผมอยากจะบอกเลยว่าในฐานะที่ปรึกษาการเงินที่เคยอยู่ในวงการรักษาพยาบาลมาก่อน ว่าเมื่อถึงเวลาจริงแล้วมันไม่ค่อยจะพอ ค่ารักษาพยาบาล ณ วันนี้แพงขึ้นเรื่อยๆ แพงขึ้นเร็วกว่าอัตราเงินเฟ้อมาก และหากป่วยแบบฉุกเฉินไม่สามารถที่จะไปต่อคิวรอโรงพยาบาลรัฐแบบราคาถูกๆได้ จริงไหมครับ ?
ต่อมาเรื่องตกงาน ผมเข้าใจคนรุ่นใหม่ๆนะครับ ว่าไม่ชอบทำงานในบริษัทที่มีระเบียบการเข้าทำงานเป็น Freelance กันมากขึ้น มีการเปลี่ยนงานบ่อย ก็จแนวคิดอย่างนี้ยิ่งจำเป็นมาก เพราะระหว่างรองานใหม่จะเอาเงินที่ไหนใช้ และหากต้องเข้า รพ. ขาดรายได้จะเอาเงินที่ไหนใช้ ?
หลายคนพอเจอคำถามพวกนี้เข้าไปก็เริ่มจะเข้าใจละว่าต้องเตรียม แต่ว่าต้องเตรียมมากแค่ไหนละ ? ตามหลักการณ์เลยแนะนำให้แบ่งออกเป็นก้อนๆ อันแรก คือ เงินสำหรับกินใช้ ควรจะมีไม่น้อยกว่า 3 - 6 เท่าของรายจ่ายในแต่ละเดือน เพื่อประกันว่าถ้าตกงาน 3 - 6 เดือน ยังพอมีกินใช้ได้
ก้อนต่อมา คือ เรื่องค่ารักษาพยาบาล อันนี้ยากที่จะประเมินได้ว่าต้องเตรียมมากแค่ไหน แต่ อย่างน้อยตามแนวความคิดผมว่า ถ้าอายุน้อยกว่า 30 ก็เตรียมไม่มาก น้อยกว่า 5 แสนได้ หากอายุ 40 ปี ขึ้นไป ก็ต้องมีประมาณมากกว่า 1 ล้านบาท หลายคนตกใจเมื่อผมพูดมาถึงตรงนี้ ค่ารักษาพยาบาลแพงขึ้นปีละประมาณ 8% โรคต่างๆบางโรคก็รักษาง่ายขึ้นถูกลงก็จริง แต่ค่ารักษาพยาบาลทำไมแพงขึ้นละ ค่าตัวคนรักษาแพงขึ้นครับ โรงพยาบาลเอกชนมีการบริการที่ดีขึ้น เครื่องมือแปลกๆมากขึ้น แล้วทำไงดี
จริงๆส่วนนี้ ผมบอกได้เลยว่าผมยังไม่เคยเจอใครเตรียมได้พอเลย นอกจากการย้ายความเสี่ยงนี้ไปให้ บริษัทประกันจ่าย ด้วยการไปซื้อประกันสุขภาพเอาไว้แทน
ก้อนสุดท้ายเป็นเรื่องทรัพย์สิน อันนี้คือการเตรียมไว้ว่า ถ้าไม่สามารถทำงานได้อีก หรือเสียชีวิตไป ทรัพย์สินที่มีอยู่จะต้องไม่เป็นภาระกับคนข้างหลัง มี 2 แนวที่ผมมักจะแนะนำ คือการซื้อทรัพย์สินทั้งหมดด้วยเงินสด หรือทำประกันเอาไว้ให้หมด รถไม่มีขับยังไม่เท่าไหร่ แต่หากไม่มีบ้านจะอยู่จะทำไงดี?
ตอนที่ 2 เงินเพื่อการสะสม
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น