ส่วนที่ 2 เงินเพื่อการสะสม ส่วนนี้เพื่ออะไร? แล้วต้องเก็บยังไง? จำนวนมากแค่ไหน?
ส่วนนี้นะจะเป็นการคิดย้อนกลับว่าคุณจำเป็นต้องใช้เงินในอนาคตจำนวนเท่าไหร่และเมื่อใดก่อน ค่อยคิดหาวิธีว่าจะเก็บอย่างไรให้สามารถมีจำนวนได้พอดีกับความต้องการ
เช่น หากต้องการเก็บเงินเพื่อเตรียมตัวเกษียณ. ก็มาคิดก่อนว่า จะทำงานถึงเมื่อไหร่? แล้วคาดว่าจะอยู่ไปอีกกี่ปี? และต้องการมีชีวิตแบบไหนหลังเกษียณ? มีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ แล้วก็จับคูณกันเลยครับ
ลองคิดแบบง่ายๆไม่รวมเงินเฟื้อ หากต้องการใช้หลังเกษียณประมาณเดือนละ 50,000 บาท ถ้าต้องทำงานถึง อายุ 60 และคาดว่าจะมีอายุถึง 85 แสดงว่ามีความต้องการใช้เงิน 50,000 X 12 X 25 = 15 ล้านบาท หากตอนนี้มีอายุ 30 ปี ก็ทำงานอีก 30 ปี ก็ต้องเก็บเงินเดือนละ 15,000,000 หาร 30ปี หาร 12 เดือน = 41,000 บาทต่อเดือน เพื่อไว้ใช้ยามแก่
หรือบางคนอาจจะมีเป้าหมายอื่นอีกระหว่างทางร่วมด้วย อย่างหาเงินแต่งงาน ดาวน์บ้าน เตรียมเงินสำหรับให้ลูกใช้ตอนเรียนมหาลัย เราก็ต้องเตรียมคิดและวางแผนไว้ด้วยเช่นกัน
วิธีการเก็บเงิน ก็มีอยู่ 4 วิธีง่ายๆ วิธีแรกที่ทุกคนคิดถึง คือ การเก็บเงินฝากธนาคารเอาไว้ วิธีนี้ก็ง่ายและสะดวกสุด แต่ก็มีข้อเสียคือ มันไม่สามารถงอกเงยได้ทันเงินเฟื้อ และด้วยความที่มันสะดวกมาก คนที่ไม่ค่อยมีวินัยทางการเงินมักจะถอกออกมาใช้ง่าย ก็ทำให้ไม่ค่อยไปถึงเป้าหมายกันเท่าไหร่นัก แถมดอกเบี้ยที่ได้มาต้องเอาไปเสียภาษีอีกด้วย
วิธีต่อมาก คือการเอาไปซื้อประกันแบบบำนาญหรือประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ วิธีนี้ก็จำทำให้ เงินขาดสภาพคล่องไปเลย ถอนออกมายากกว่าแบบแรก ด้วยข้อกำหนดของกฏหมาย และสัญญาที่ทำไว้ หากถอนก่อนกำหนดที่ตกลงไว้ก็จะไม่ได้อะไรเท่าไหร่นัก วิธีนี้จึงเหมาะกับคนที่วางแผนการใช้เงินอย่างดีแล้ว หรือคนที่ไม่มีวินัยทางการเงินเลยก็ได้ ดอกเบี้ยที่ได้ไม่โดนหักภาษี แถมเงินที่ส่งในทุกๆปี ยังสามารถเอาลดหย่อนภาษีได้อีก (ประกันแบบบำนาญ ลดภาษีได้สูงสุด 15% หรือไม่เกิน 200,000 บาท เมื่อรวมกับกองทุนสะสมเพื่อการเลี้ยงชีพ และ RMF ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ ลดหย่อนภาษีได้ 100,000 บาท)
ซื้อประกันควบการลงทุนโดยเลือกกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำๆ วิธีนี้ก็ดีตรงที่ยืดหยุนกว่า การซื้อประกันแบบบำนาญหรือสะสมทรัพย์ เอาเงินกลับมาได้ง่ายกว่า ค่าธรรมเนียมน้อยกว่า มีโอกาสที่จะได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าเมื่อลงทุนระยะยาว แต่ก็มีโอกาสที่จะขาดทุนได้หากลงทุนระยะสั้นๆ เงินที่จ่ายไปบางส่วนสามารถลดหย่อนภาษีได้ ไม่เสียภาษีกำไรที่ได้จากการขายหน่วยลงทุน
การเอาไปลงทุนที่ความเสี่ยงต่ำ อย่างใน RMF, LTF ด้วยตนเอง ค่าใช้จ่ายต่ำกว่าการซื้อประกันควบการลงทุน มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นมา แต่ก็มีโอกาสที่จะได้เงินมากขึ้นเช่นกัน หากไม่รู้วิธีการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ อาจจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงที่จะสูญเงินต้นได้มากขึ้นไปอีก (ตอนแรกที่ผมเริ่มลง LTF โดยที่ยังไม่มีความรู้ในครั้งแรก กองแรกของผมใช้เวลา 4 ปีก็ยังไม่ได้เงินคืน ในทางกลับกันในช่วงระยะเวลาที่ท่ากัน มีพี่ที่ลงทุนพร้อมๆกัน วันนี้เค้าได้กำไรประมาณ 15%)
ตอนที่ 1 ความจำเป็นพื้นฐาน
ตอนที่ 3 การลงทุน
ตอนที่ 1 ความจำเป็นพื้นฐาน
ตอนที่ 3 การลงทุน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น