ประกันชีวิตไม่ใช่แค่มีไว้ลดหย่อนภาษี และไม่จำเป็นต้องมีแค่ฉบับเดียว


ประกันชีวิตไม่ใช่แค่มีไว้ลดหย่อนภาษี และไม่จำเป็นต้องมีแค่ฉบับเดียว
หลายครั้งหลายคราว เราก็พบว่า มีหลายคนคิดว่าประกันชีวิตมีไว้แค่ลดภาษี ซึ่งส่วนใหญ่คนที่คิดอย่างนี้ ก็มักจะซื้อประกันแบบสะสมทรัพย์ ซึ่งเบี้ยประกัน 1 แสนบาท นั้น จะได้ทุนประกันแค่ นิดเดียว บวกลบ 1 ล้านบาทนิด
ซึ่งก็ไม่ได้ใช้คุณประโยชน์ของประกันชีวิตได้อย่างคุ้มค่า หรือไม่ได้ประโยชน์สักเท่าไหร่เลยในการคุ้มครองชีวิต หรือสุขภาพ ซึ่งการซื้อประกันโดยไม่ได้คำนึงถึงความต้องการของชีวิตที่แท้จริง พอถึงเวลาที่จำเป็นต้องใช้ประโยชน์จากประกันชีวิตก็ได้ไม่ประโยชน์อะไรจากมันเลย
ยกตัวอย่าง หากจ่ายเบี้ยแค่ 1 แสนต่อ ปี แล้วก็จะมีทุนประกันประมาณ ไม่ถึง 1.5 ล้านบาท และหากคนที่มีเงินที่มากพอจะซื้อประกันปีละ 1 แสนบาทได้ ก็จะมีรายได้ ปีละ มากกว่า 1.5 ล้าน เกิดจากไปทันทีโดยไม่คาดฝัน ค่าผ่อนบ้าน ค่าผ่อนรถ ค่าใช้จ่ายสำหรับคนข้างหลัง ถ้ามีอยู่ ก็คงลำบาก เพราะเงิน 1.5 ล้าน จะมากพอให้คนข้างหลังตั้งตัวได้ทันไหม
และไม่จำเป็นต้องมี มีแค่ฉบับเดียว เพราะว่าประกันแต่ละฉบับ แต่ละแบบก็ออกแบบมาไม่เหมือนกัน แบบที่มุ้งเน้นเพื่อคุ้มครองชีวิตก็จะมีทุนประกันที่สูง หากเกิดอะไรไม่คาดฝันขึ้นก็จ่ายเงินแยะมาก แบบสะสมทรัพย์ก็ช่วยในการเก็บเงิน แบบบำนาญก็เอาไว้วางแผนเกษียณ แบบดูแลสุขภาพก็เน้นเรื่องสุขภาพ
คนหนึ่งคนควรมีประกันหลักๆ 2-3 ฉบับ ดูเเลสุขภาพ ดูแลชีวิต และเพื่อวางแผนเกษียณ และแต่ละเล่มก็ซื้อเพิ่มได้เรื่อยๆเคยเห็นคนที่มีประกันแบบสะสมทรัพย์มากถึง 100 เล่ม
ประกันสุขภาพก็ไม่ต้องห่วงทำหลายเล่มได้ และหากต้องเข้า รพ ก็เอาทุกเล่มมาเบิกพร้อมๆกันได้ ประกันพวก 44 โรคร้ายแรงยิ่งควรที่จะทำหลายเล่ม เพราะหากคุณมีฉบับเดียวพอเป็นไป 1 โรคก็จบกัน หมดกัน เป็นอีกโรคก็เบิกไม่ได้แล้ว มีหลายๆเล่มสามารถค่อยๆเบิกได้
ประกันอย่าหยุดทำเพราะแค่เต็มที่ลดหย่อนภาษีได้ แต่ให้หยุดทำก็ต่อเมื่อคุณมีเพียงพอแล้ว
ปรึกษาที่กับที่ปรึกษาการเงินเพื่อทราบว่าต้องการวงเงินประกันเท่าไหร่ที่เหมาะสม
#FAขาโหด

ความคิดเห็น