ในช่วง 2-3 หลังนี้นักวิเคราะห์ที่เป็นเพื่อนกันได้มานั่งคุยกันว่า ตลาดเดียวนี้ไม่เหมือนเมื่อ 10 ปีก่อน มาตราฐานเดิมๆบางอันไม่สามารถใชีได้อีกต่อไป ดูอย่างทอง และน้ำมันสิ ไม่เป็นไปตามที่คาดเลย
1. ผู้คนส่วนมากมีความรู้และเข้าถึงข้อมูลได้มากขึ้น มีนักวิเคราะห์ นักวิจารณ์ ออกมาให้ข้อมูลแบบเปิดเผยมากขึ้นไม่ได้เป็นความลับอีกต่อไป สำหรับเทคนิคในการทำกำไรจากตลาดด้วยวิธีต่าง
2. ความรวดเร็วและเข้าถึงข่าวสารมากขึ้น นับตั้งแต่โลกเรามี Smart Phone หลายอย่างก็เปลี่ยนไปมาก และยื่งเมื่อเรามี 3G 4G ยิ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ข่าวสารจากอีกซึกโลกถูกส่งให้นักวิเคราะห์ และเผยแพร่ออกมาสู่สาธารณ์ส่งตรงถึงมือถือได้แทบจะทันทีเลย ลองนึกถึงความผันผวนของตลาดตอน Brexit และการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา แทบจะเป็นข่าวรายงานกันสดๆ วิเคราะห์กันสดๆ เลยทีเดียว ตลาดก็ผันผวนกันแบบเรียลไทม์กันไป
3. นักลงทุนหน้าใหม่ ที่มีความเข้าใจตลาดมากขึ้น แยกแยะได้ ตื่นตนกน้อยลง เลยทำให้ตลาดมีการเปลี่ยนแปลงที่จะใช้หลักวิชาการแบบสมัย 20 ปีมาจับไม่ได้อีกต่อไป ดูอย่างทองคำสิ ไม่ได้เป็นการลงทุนระยะยาวอีกต่อไปแล้ว
4. ความทันสมัยของการซื้อขายทางออนไลน์ อันนี้นับได้ว่าเป็นตัวหลักที่สำคัญเลยทีเดียว เพราะเมื่อทั้ง 3 ข้อแรกรวมกัน นักลงทุนรายย่อยสามารถทำการซื้อขายได้ทันทีจากมือถือ จากที่ไหนในโลกก็ได้ ซึ่งหลายครั้งที่นักลงทุนรายย่อยก็สร้างกระแสในตลาดได้
5. มีนักลงทุนรายย่อยหน้าใหม่จำนวนมาก ไปลงทุนผ่านทางกองทุนรวม ซึ่งทำให้ ณ วันนี้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมเป็นจำนวนมากขึ้น ทำให้มีเงินหมุนเวียนในตลาดมากขึ้นตามไปด้วย
6. สุดท้ายละ ณ วันนี้มีหลาย บลจ เริ่มเอาโปรแกรม มาใช้ในการวิเคราะห์และการซื้อขายหลักทรัพย์กันแล้วด้วย แรกๆได้ข่าวก็แอบตกใจแต่ไปๆมาๆ มันก็ดูน่าสนใจและบางแห่งก็ทำกำไรได้ดีพอสมควรเลยที่เลย
ด้วยหลายๆเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้น ถึงอย่างไรก็ตามการลงทุนในตลาดก็ยังคงมีความเสี่ยง ไม่มีใครหรืออะไรจะทราบล่วงหน้าได้ อาจจะพอคาดเดาแนวโน้มและผลตอบแทนได้เท่านั้น แต่การลงทุนแบบเน้นที่มูลค้าร่วมกับการลงทุนที่ต่อเนื่องเป็นเวลานาน ก็ยังคงทำให้มีโอกาสได้ผลตอบแทนที่ดี และลดความเสี่ยงในการขาดทุนได้
#FAขาโหด
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น